ประวัติ ของ จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา

สมัยมัธยม

ในสมัยเด็ก จิรายุสมีนิสัยที่ชอบทะเลาะกับเพื่อนอยู่บ่อยๆ[1] ซึ่งเป็นเหตุทำให้พ่อแม่ของเขาให้เขาไปอยู่ที่โรงเรียนประจำระดับมัธยมต้นที่ประเทศนิวซีแลนด์[4] ชื่อมาร์ลบะระ บอยส์ คอลเลจ และโรงเรียนในระดับมัธยมปลายชื่อวังกานุย คอลลีจิเอท ในช่วงที่ศึกษาอยู่ในระดับมัธยม จิรายุสกล่าวว่าตัวเขาไม่ได้ตั้งใจเรียนเลย เขาเล่นแต่กีฬาเหมือนกับช่วงที่อยู่ในไทย โดยที่กิจวัตรประจำวันของเขาคือตื่นขึ้นมาวิ่ง 10 กิโลเมตร และเล่นฟุตบอลตอนบ่าย 3 โมง [19]

ศึกษาในระดับปริญญาตรี

หลังจากที่จิรายุสสำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมปลาย เขาได้ตัดสินใจที่จะเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษเพราะความชอบในฟุตบอลของตัวเขา ซึ่งเขาก็ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ (อังกฤษ: University of Manchester)[4] ในสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์[1]

เขาได้ให้สัญญากับตัวเองว่าเขาจะตั้งใจเรียนในมหาวิทยาลัยนี้เพื่อที่จะได้เรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศอังกฤษในระดับปริญญาโท ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (อังกฤษ: University of Oxford) มหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ (อังกฤษ: University of Cambridge) หรือ วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน (อังกฤษ: The London School of Economics) โดยที่เขาได้เริ่มเข้าห้องสมุดเป็นครั้งแรกในชีวิตและตั้งใจเรียนมากขึ้น ซึ่งเป็นผลทำให้เขาจบปริญญาตรีด้วยผลการเรียนที่สูงที่สุดในมหาวิทยาลัยในปี 2554[4][20][19]

ศึกษาในระดับปริญญาโท

หลังจากที่เขาสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี จิรายุสได้ยื่นสมัครทั้งสามมหาวิทยาลัยที่เขาได้สนใจตามที่ได้กล่าวในข้างต้นเพื่อที่จะศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ซึ่งเขาได้รับการตอบรับให้เข้าศึกษาทั้งสามแห่ง แต่เขาเลือกที่จะเข้ามหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด[4][16][5][7]เนื่องจากเป็นมหาวิทยาลัยที่เขาชื่นชอบและเขาก็มีนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นแบบอย่างด้วย[21]

ในช่วงที่ศึกษานั้น เขากล่าวว่าเป็นช่วงที่พยายามมากที่สุดในชีวิตเขาแล้ว แต่กลับไม่สามารถทำแบบฝึกหัดหรือข้อสอบเก่าได้เลยเพราะนอกจากการเรียนจะยากแล้ว ทุกคนที่เรียนนั้นยังเป็นคนที่มีความสามารถสูงกันหมดทุกคน เขากล่าวว่าเขาเป็นคนที่เด็กที่สุดในห้องแล้วท่ามกลางเพื่อนร่วมชั้นทั้ง 50 คน และยังมีระบบการคิดคะแนนแบบอิงกลุ่มด้วย ทำให้ไม่มีใครช่วยเหลือกันเลย[19]

เขาใช้เวลาในการอ่านหนังสืออยู่ 12 ถึง 14 ชั่วโมงทุกวันเพราะเขามีพื้นฐานวิชาคณิตศาสตร์ที่ไม่แข็งแรงมาตั้งแต่เด็ก แต่เขาก็ยังไม่สามารถทำข้อสอบได้อยู่ดีจนเขาต้องตั้งโจทย์คำถามให้ตัวเองใหม่ แล้วเขียนคำตอบของโจทย์ที่เขาคิดส่งไปแทน แต่สุดท้ายเขาก็ผ่านมาได้และสำเร็จการศึกษา เขากล่าวว่าจากการที่เขาได้อันดับหนึ่งในช่วงปริญญาตรี ตอนแรกเขาคิดว่าการเรียนคงไม่ยากมาก แต่จากเหตุการณ์นี้ทำให้เขาคิดผิด[19]

ทำงานในบริษัท

หลังสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโทในปี 2556 จิรายุสได้ทำงานเป็นวาณิชธนากรในสถาบันการเงิน อีโวเทค แคปปิทัล (อังกฤษ: Evotech Capital) สาขาเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน[1][5] ซึ่งในขณะนั้น เขาได้เริ่มรู้จักกับ บิตคอยน์ เพราะเขาเห็นว่ามันเป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่ราคาพุ่งขึ้นสูงอย่างก้าวกระโดด อันเป็นผลพวงให้เขาไปศึกษาเพิ่มเติมจนไปพบกับบทความของมาร์ค แอนเดอร์สัน ซึ่งนี่คือจุดเปลี่ยนของชีวิตก่อนที่จะทำให้เขาเริ่มเดินเข้าสู่วงการบิตคอยน์[7]

หลังจากทำงานในเซี่ยงไฮ้ได้สามเดือน เขาก็ได้ลาออกเพราะเขารู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับงานภายในองค์กรณ์ แต่เขายังอยากที่จะให้โอกาสตัวเองอีกครั้งจึงสมัครเป็นที่ปรึกษาทางการเงินของ Marquis Advisory Group ในเมืองซานฟรานซิสโก มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา[5][22]

ช่วงระหว่างจะเริ่มงานใหม่นั้น เขาได้ไปที่ฟิลิปปินส์เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อที่จะไปศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจสตาร์ทอัพ ในระหว่างนั้น เขาได้ศึกษาว่าสตาร์ทอัพคืออะไรและสตาร์ทอัพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคนั้นมีอะไรบ้าง ซึ่งเขาได้พบว่ายังไม่มีรายใดทำเกี่ยวกับบิตคอยน์เลย ในช่วงนี้เขายังได้เจอกับกลุ่มเพื่อนที่เชื่อว่าบิทคอยน์จะมีบทบาทเหมือนเขาอีกด้วย[19]

หลังจากที่เขาบินกลับไปทำงานที่ซานฟรานซิสโก หลังจากเริ่มงานได้หนึ่งอาทิตย์ เขาเริ่มรู้สึกไม่ถูกกับงาน เป็นผลทำให้เขาตัดสินใจที่จะก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพเกี่ยวกับบิทคอยน์ของตนเองและชวนกลุ่มเพื่อนที่คุยกันถูกคอมาร่วมประกอบธุรกิจในที่สุด[19]

ก่อตั้งและบริหารบริษัทกลุ่มคอยส์

จิรายุสได้เปิดบริษัทสตาร์ทอัพแห่งแรกของเขาในฟิลิปปินส์ชื่อ ​​บริษัท คอยส์ พีเฮช จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับการให้บริการ กระเป๋าเงินดิจิทัล และโอนเงินระหว่างประเทศด้วยบิทคอยน์ของทางบริษัท ซึ่งปัญหาในการประกอบธุรกิจคือในสมัยนั้นผู้คนยังไม่เข้าใจว่าบิทคอยน์คืออะไร มีการถูกเจาะข้อมูลบ้าง และบางทีก็ถูกกล่าวหาว่าฟอกเงิน[1] แต่ตลาดก็ยังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่[19]

ในปี 2557 เขาเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อเปิดบริษัทบิทคอยน์วอลเล็ต ซึ่งเป็นพื้นที่กลางสำหรับการซื้อขายบิทคอยน์รายแรกของไทย แต่ทว่าเมื่อผ่านไปสองเดือน ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ออกจดหมายว่าบิทคอยน์นั้นอาจจะเป็นแชร์ลูกโซ่และแนะนำให้ผู้คนไม่สมควรยุ่งเกี่ยวกับมันเพราะมูลค่าอาจกลายเป็นศูนย์ได้ในระยะเวลาสั้นๆ[1][22] ซึ่งนั่นเป็นการทำให้ครอบครัวของเขารู้สึกเครียดเพราะพวกเขาส่งตัวจิรายุสไปเรียนถึงมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ในขณะที่ลูกคนอื่นได้เงินเดือนเป็นหลักแสน ตัวของจิรายุสกลับจ้องอยู่แต่หน้าคอมพิวเตอร์อยู่คนเดียวและทำในสิ่งที่ถูกมองว่าอาจเป็นการแชร์ลูกโซ่อีก จิรายุสจึงต้องทำการปรับความเข้าใจในเรื่องธุรกิจของเขากับคนหลายๆคน รวมถึงลูกน้องของเขาเองด้วย[19]

พอผ่านมาได้ไม่นาน เขาก็ถูกสำนักงานปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ทำการเรียกตรวจบริษัทของเขาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินหรือไม่ ทำให้เขาต้องไปทำการตรวจสอบที่มาของเงิน และในเวลาต่อมา เขาก็ถูกซักถามเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิตัลอันนี้ ซึ่งมีการถามเกี่ยวกับสกุลเงินของเงินประเภทนี้และมีการกล่าวต่ออีกว่าถ้าเป็นเงินตรา ก็ต้องปฎิบัติตามกฎของธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย ซึ่งเขาก็ได้อธิบายไป[19]

สุดท้ายแล้ว ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2560 ทางประเทศญี่ปุ่นได้ประกาศว่าบิทคอยน์นั้น เป็นสกุลเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงทำให้มีคนที่สนใจในธุรกิจบิทคอยน์มากขึ้น ซึ่งนั่นทำให้บริษัทแรกของเขา กลุ่ม คอยส์ ถูกซื้อไปโดยบริษัท Go-Jek ในปี 2561[19]

ก่อตั้งและบริหารบริษัทบิทคับ

ต่อมาในปี พ.ศ. 2561 จิรายุสก่อตั้ง บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ดำเนินการภายใต้บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ซึ่งมีบริษัทแม่ ได้แก่ บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เป็นตลาดหลักทรัพย์ที่อาศัยเทคโนโลยีบล็อกเชนในการค้า และเป็นหนึ่งในบริษัท 7 แห่งที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุญาตให้ประกอบการเว็บเทรด [23]

ในเดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 บริษัท บิทคับ แคปิตอล โฮลดิ้ง กรุ๊ป จำกัด ได้รับการลงทุนด้วยมูลค่าบริษัทที่สูงที่สุดในประเทศไทยด้วยมูลค่าบริษัท 525 ล้านบาท จากนั้นได้เปิดตัว บริษัท บิทคับ แคปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด และได้เปิดแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตภายใต้ชื่อบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัดและจัดตั้งบริษัท บิทคับ บล็อกเชน เทคโนโลยี จำกัดต่อจากนั้น และหวังที่จะพุ่งขึ้นเป็น ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล อันดับ 1 ของไทยในปี 2562 [24]

ในปี พ.ศ. 2562 คุณท็อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ได้ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการสมาคมฟินเท็คแห่งประเทศไทย หลังจากเป็นสมาชิกมากว่า 2 ปี โดยที่คุณ ท็อปกล่าวว่าจะจัดตั้ง National Fintech Sandbox เพื่อเร่งการพัฒนาอุตสาหกรรมของฟินเท็ค, สร้างระบบนิเวศของฟินเท็คซึ่งรวมไปถึงบริษัทสตาร์ดอัพ ด้านฟินเท็ค และติดต่อประสานงานกับหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนา National Fintech Roadmap สำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมของฟินเท็คเพื่อแข่งขันในระดับโลกอีกด้วย [25]

ใกล้เคียง

จิรายุส วรรธนะสิน จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา จิรายุส เนาวเกตุ จิรายุ ตั้งศรีสุข จิรายุ ตันตระกูล จิรายุ ละอองมณี จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา จิรายุ ห่วงทรัพย์ จิรายุ รักษาแก้ว จิรายุทธ ผโลประการ

แหล่งที่มา

WikiPedia: จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา http://forbesthailand.com/news-detail.php?did=2885 http://www.nationmultimedia.com/detail/Startup_and... http://www.thaismescenter.com/%E0%B9%80%E0%B8%88%E... http://documents.manchester.ac.uk/display.aspx?Doc... http://users.ox.ac.uk/~nuff0078/students.html https://readthecloud.co/jirayut-srupsrisopa/ https://techsauce.co/corp-innov/self-made-brand-ce... https://techsauce.co/saucy-thoughts/digital-curren... https://www.bangkokpost.com/business/news/1590054/... https://www.bangkokpost.com/tech/local-news/157127...